กลัว “นกน้อย” ของเราจะถูกลืม ทำให้เกิดแรงดลใจเขียนเรื่องนี้
ผมและเพื่อน ๆ เคยเม้าท์กันเล่น ๆ อยู่บ่อยครั้ง ว่า Montfortians ทุกคน ล้วนมีพระอยู่ในใจ อยากทำความดีเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ต้องสู้กับความอ่อนแอที่ยังคงเกาะติดอย่างเหนียวแน่น ผมจึงขอแชร์ประสบการณ์เล็ก ๆ มายังเพื่อนฝูง เพราะมันรบกวนจิตใจผมมาหลายเพลาแล้ว ความจริงผมก็ไม่น่าคิดมาก เพราะไม่ใช่นักบวช ใจไม่สงบแค่นี้ไม่น่าจะต้องตื่นเต้นอะไร แต่มัน
อยากเขียน จึงต้องถือว่าเป็นแรงดลใจจากพระก็แล้วกัน
ผมเคยเล่าว่า ผมทิ้งวัดไป 6-7 ปี แม้จะเชื่อว่ายังไง ๆ ผมก็จะไม่มีวันตกนรก อย่างมากก็แค่โดนพระจับหัวจุกแกว่งในไฟชำระนานหน่อย เสร็จแล้วก็ถูกจัดให้นั่งแถว ๆ ประตูสวรรค์ ไม่มีโอกาสได้นั่งริงไซด์ใกล้ชิดพระแน่นอน ตอนนั้น ความรับผิดชอบต่อหน้าพระจึงมีสูงมาก ไปวัดไม่ได้ ก็ต้องสวดเอง นั่งสมาธิครั้งละครึ่งชั่วโมงเป็นเรื่องปกติ สวดให้ตัวเอง ให้คนอื่น และใช้โทษบาป รวมเบ็ดเสร็จอยู่ในนั้น
แต่พอมาต้นปี 54 ทำพิธีแต่งงานถูกต้องแล้ว ก็ไปวัดรับศีลทุกอาทิตย์ จำได้ว่า ปีที่ผ่านมาไม่ได้ไปวัดวันอาทิตย์แค่ 4 ครั้ง ด้วยเหตูผลที่พอฟังได้ แต่คุณพ่อที่ฟังแก้บาป อาจจะต้องอมยิ้มหรือหัวเราะก็ได้ เมื่อได้ยินเหตุผลของผม เอาเป็นว่าทุกอย่างดูจะราบรื่นดี ชีวิตมีความสุข การยกจิตใจขึ้นสนทนากับพระ ทำได้ทุกเวลาและสถานที่
แล้วมารประจญก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา ตามตำราที่ว่า “ถ้าไม่ลำบาก คนเราก็จะไม่เรียกหาพระ” ตอนนั้น ผมสุขกายสบายใจดีมาก ๆ จนกระทั่งความขี้เกียจเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย ๆ ผมเริ่มต่อรองกับพระ เริ่มสวดสั้นลง บางวันนอนแล้วจึงสวด และบางวัน ไม่ได้สวดเลย ความตั้งใจที่จะใช้เวลาเพื่อสวดภาวนาและใช้โทษบาปให้มากที่สุดหลังเกษียณแล้ว ถูกลืมไปชั่วขณะ
ทุกวันนี้ นั่งสมาธิ จิตใจก็ไม่สงบ ทั้งที่ไม่มีเรื่องต้องกังวลใด ๆ พยายามสวดอย่างจริงจัง ถึงขนาดถอยหลังไปใช้ลูกประคำและหนังสืออ่าน ก็ยังไม่มีสมาธิอยู่ดี.............ใครก็ได้ ช่วยที ผมมันเป็นคนอย่างนั้น หลาย ๆ กรณี ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ทำไม่ได้ หรือไม่ทำ ถ้าไม่มีแรงกดดันหรือแรงบีบจากภายนอก
ช่วย ๆ กันแชร์ แถมด่าผมให้หน่อย อาจจะหูตาสว่างขึ้นบ้าง
Comment Here |